ฤดูหนาว Winter ช่วงปลายเดือนธันวาคม ถึง กลางเดือนมีนาคม มีเทศกาลที่น่าสนใจ ดังนี้
เดือนมกราคม เทศกาลตกปลาเทร้าท์หน้าหนาวภูเขาฮวาชอน Hwacheon Mountain Trout (Sancheoneo) Ice Festival
จัดขึ้นที่ เมืองฮวาชอน-กุน จังหวัดคังวอน-โด ประมาณช่วงเดือนมกราคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เหตุที่จัดในช่วงเดือนนี้เนื่องจาก ทุกปีบริเวณแม่น้ำฮวาชอนจะแปรสภาพเป็นน้ำแข็ง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเยือนนับล้านคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ จะมาเทศกาลนี้เพื่อตกปลาเทร้าท์ ฉายาของมันคือ The Queen of Valley หรือราชินีแห่งขุนเขา โดยปลาเทร้าท์ภูเขาจะอาศัยอยู่ในน้ำเย็นที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ 20 องศาเซลเซียสลงไป เป็นปลาที่สวยงามและหายาก ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ตกปลามาได้ สามารถนำปลามาทำเป็นซูชิ หรือซาชิมิ ซึ่งสามารถทานได้เลย และภายในงานจะมีกิจกรรมท้าความหนาวต่างๆ อาทิเช่น การแข่งขันจับปลาเทร้าท์ด้วยมือตกปลาใต้น้ำแข็ง การโชว์แกะสลักน้ำแข็ง ฟุตบอลน้ำแข็ง และเล่นเลื่อนหิมะ และอื่นๆ ถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ที่หลายคนเฝ้ารอคอย เนื่องจากจัดแค่ปีละครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ

เดือนมกราคม เทศกาลจับปลาน้ำแข็งที่อินเจ
จัดขึ้นที่ ทะเลสาปซอยังโฮ ใกล้กับท่าเรือบูเพียง ตำบลอินเจ จังหวัดคังวอน-โด ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาหลี เทศกาลนี้ได้รับการเสนอให้เป็นเทศกาลตัวอย่าง โดยกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเกาหลี โดยแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็งจะถูกเจาะรู เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาย่อนเบ็ดตกปลาน้ำแข็งกัน นักท่องเที่ยวจะได้เห็นสายน้ำไหลอยู่ข้างล่างดูสวยงามมาก ภายในเทศกาลจะแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ 4 โซน คือ โซนธรรมชาติ ซี่งมีการตกปลาน้ำแข็ง “สวนสัตว์” ที่ใช้น้ำแข็งสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ และสนามการเล่นน้ำแข็งเช่นสไลเดอร์น้ำแข็ง โซนเลอพอร์ท มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลบนน้ำแข็ง และกีฬาน้ำแข็ง โซนสุขสันต์ นักท่องเที่ยวจะได้อิ่มอร่อยกับอาหารที่ปรุงจากปลาน้ำแข็งและเรียนการปรุงอาหารปลาน้ำแข็งแบบเกาหลี และโซนครอบครัว ที่จะมีบทเรียนการตกปลาน้ำแข็งสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นที่หน้าตื่นตาตื่นใจมาก
จัดขึ้นที่ ทะเลสาปซอยังโฮ ใกล้กับท่าเรือบูเพียง ตำบลอินเจ จังหวัดคังวอน-โด ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาหลี เทศกาลนี้ได้รับการเสนอให้เป็นเทศกาลตัวอย่าง โดยกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเกาหลี โดยแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็งจะถูกเจาะรู เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาย่อนเบ็ดตกปลาน้ำแข็งกัน นักท่องเที่ยวจะได้เห็นสายน้ำไหลอยู่ข้างล่างดูสวยงามมาก ภายในเทศกาลจะแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ 4 โซน คือ โซนธรรมชาติ ซี่งมีการตกปลาน้ำแข็ง “สวนสัตว์” ที่ใช้น้ำแข็งสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ และสนามการเล่นน้ำแข็งเช่นสไลเดอร์น้ำแข็ง โซนเลอพอร์ท มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลบนน้ำแข็ง และกีฬาน้ำแข็ง โซนสุขสันต์ นักท่องเที่ยวจะได้อิ่มอร่อยกับอาหารที่ปรุงจากปลาน้ำแข็งและเรียนการปรุงอาหารปลาน้ำแข็งแบบเกาหลี และโซนครอบครัว ที่จะมีบทเรียนการตกปลาน้ำแข็งสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นที่หน้าตื่นตาตื่นใจมาก
ฤดูใบไม้ผลิ Spring ช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึง เดือนมิถุนายน มีเทศกาลที่น่าสนใจ ดังนี้

เดือนเมษายน เทศกาลชินโด ยองดึง น้ำทะเลแยก (Jindo Yeongdeung Festival)จัดขึ้นที่ เมืองชินโด (Jindo) จังหวัดชลลานัม-โด (Jeollanam-do)เดินทางโดยรถประจำทางจากสถานีขนส่งโซลไปยังเกาะชินโด (ใช้เวลา 6 ชั่วโมง วันละ 4 รอบ) หรือ โดยรถประจำทางไปควางจู (Gwangju) จากท่ารถด่วนโซลและต่อด้วยรถเข้าเมืองชินโดที่สถานีรถควางจู (ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที วันละ 50 เที่ยว) เทศกาลนี้จะจัดขึ้นทุกปี ช่วงที่น้ำลด และเกิดเป็นทางกว้าง 40 เมตรยาว 2.8 กิโลเมตร ระหว่างเมืองจินโดถึงเกาะโมโด โดยเหตุการณ์นี้ถูกค้นพบโดยท่านปีแอร์ รังดี (Pierre Randy) ท่านอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเกาหลี ซึ่งปรากฏการณ์นี้ผู้คนพากันเรียกว่า “มหัศจรรย์แห่งโมเสส” เทศกาลจะจัดแสดงตามตำนานด้วยการล่องทะเลด้วยแพท่อนซุง การสักการะของชาวประมงต่อเทพแห่งทะเล และการชุมนุมของกุ้งหอยบนถนนทะเล การแสดงให้เห็นถึงการเฉลิมฉลองอันน่าปิติยินดีด้วยพิธีสักการะบูชาต่อยายป้อง (Grandma Ppong) การร้องเพลงเวลาทำงานของชาวเกาะชินโด และวัฒนธรรมต่างๆสำหรับชาวทะเล
เดือนเมษายน เทศกาลเครื่องดื่มและขนมพื้นเมือง (Korean Traditional Drink and Cake Festival)จัดขึ้นที่ เมืองเคียงจู จังหวัดเคียงซางบุก-โด นั่งรถประจำทางหมายเลข 10 วิ่งจากท่ารถด่วนเคียงจู ถึงโพมุนเลครีสอร์ท (ใช้เวลา 30 นาที รถออกทุก 30 นาที) ภายในงานจะมีขนมที่ทำจากข้าวและเครื่องดื่มหมักจากทั่วโลก มีวิธีขั้นตอนการทำเครื่องดื่มและขนมข้าวพื้นบ้าน การแสดงนิทรรศการเครื่องดื่ม ขนมข้าว และเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆในการทำ วิธีการทำขนมข้าว เป็นต้น

เดือนเมษายน เทศกาลผีเสื้อฮัมเปียง และแมลง (Hampyeong Butterfly Festival)จัดขึ้นที่ อุทยานริมน้ำฮัมเปียงและพื้นที่เกษตรกรรมสิ่งแวดล้อมฮัมเปียง จังหวัดชลลานัม-โด เดินทางโดยรถโดยสารจากสถานีขนส่งโซลไปยังฮัมเปียง จังหวัดชลลานัม-โด แล้วเดินต่อไปอีก 5 นาที ผู้เข้าชมจะได้เห็นถึงความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่รวมความยิ่งใหญ่ของผีเสื้อและแมลงนับหมื่นๆตัว มาบินให้นักท่องเที่ยวได้ชมบริเวณเหนือทะเลแห่งดอกไม้นานาพรรณในพื้นที่ถึง 33 ล้านตารางเมตรในเมืองฮัมเปียง ซึ่งในปี 2003 ได้ถูกกำหนดให้เป็น “เทศกาลการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม” ด้วย ภายในงานยังมีนิทรรศการผีเสื้อ มีการศึกษาการบินของผีเสื้อ จัดแสดงตัวอย่างของผีเสื้อและแมลงอื่น การประกวดภาพเขียนและการแสดงต่างๆ อีกมากมาย
เดือนเมษายน มหกรรมอาหารนานาชาติกรุงโซลจัดขึ้นที่ กรุงโซล ของทุกปี มีการจัดแสดงอาหารนานาชาติ รวมทั้งอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของเกาหลี และอาหารจากทุกภาค เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาแวะชิมกันอย่างจุใจ

เดือนพฤษภาคม เทศกาลคอมไฟดอกบัว (Lotus Lantern Festival)จัดขึ้นที่ กรุงโซล ของทุกปีในช่วงวันวิสาขบูชา สืบเนื่องมาตั้งแต่ในช่วงราชวงศ์โกเรียว (คศ.918-1392) เมื่อศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ชาวพุทธศาสนิกชนในเกาหลีใต้จะเดินขบวนแห่โคมไฟดอกบัว และเดินขบวนแห่มังกร เพื่อฉลองวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ภายในงานจะมีโคมไฟรูปดอกบัวหลากสีสันกว่า 100,000 ดวง พร้อมดัวยขบวนพาเหรดต่างๆ ทั้งที่มาจากคนเกาหลีและคนต่างชาติที่นับถือศาสนาพุทธ ผู้ร่วมงานจะได้เดินชมนิทรรศการต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ชมวิธีการทำโคมบัว และการแสดงพื้นเมืองต่างๆ
เดือนพฤษภาคม เทศกาลสมุนไพรรักษาโรคแทกู ยังเนียงชี (Daegu Yangnyeongsi Festival)จัดขึ้นที่ เมืองแทกู เดินเท้าไป 5 นาทีจากสถานีจุงกังโน (Jungangno Station) หรือ จากสถานีบันโวลดัง (Banwoldang Station) โดยรถไฟใต้ดินแทกูสาย 1 โดยเมืองแทกูถือได้ว่าเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ที่เกี่ยวกับยาตะวันออกและตัวยาสมุนไพร มีกิจการด้านยามากกว่า 300 กว่ากิจการ เทศกาลนี้ถูกจัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์ยาของชาวตะวันออกและหาตลาดยาสำหรับยาสมุนไพร ภายในงานมีกิจกรรมเสริมความรู้มากมาย เช่น การเล่นเกมตอบคำถามชื่อยา เพื่อตรวจสุขภาพฟรี นิทรรศการเครื่องมือรักษาโรคแบบตะวันออก อีกทั้งยังมีข้อมูลเกียวกับยาสมุนไพรต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาอีกด้วย

เดือนพฤษภาคม เทศกาลละครใบ้นานาชาติชุนชอน (Chuncheon International Mime Festival)จัดขึ้นที่ เมืองชุนชอน จังหวัดคังวอน-โด (Chuncheon, Gangwon-do) สามารถเดินทางโดยรถไฟจากสถานีชองยางนี (Cheongnyangni Railway Station) ในกรุงโซลไปยังชุนชอน (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที) หรือโดยรถโดยสารจากสถานีขนส่งทงโซล (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที บริการวันละ 12 เที่ยว) แต่ก่อนเทศกาลนี้เรียกว่า เทศกาลละครใบ้เกาหลี ต่อมาในปี 1995 จึงได้เปลี่ยนแป็น เทศกาลละครใบ้นานาชาติชุนชอน เทศกาลนี้เป็นเทศกาลแสดงศิลปะและวัฒนธรรมด้านละครใบ้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่มีอยู่ในประเทศเกาหลีและจากต่างประเทศทั่วโลก เช่นการแสดง “ละครปิศาจก๊อบบลิน” ซึ่งจะมีการแสดงละครใบ้ การแสดงดนตรีพื้นเมือง และภาพยนตร์ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆตลอดทั้งคืน
เดือนพฤษภาคม เทศกาลไฮโซลจัดขึ้น ริมฝั่งแมน้ำฮันใจกลางกรุงโซล แม่น้ำที่ไหลผ่านใจกลางกรุงโซล และเป็นแม่น้ำสำคัญ เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อแสดงศิลปะวัฒนธรรม ประเพณีและประวัติศาสตร์ที่สำคัญต่างๆของกรุงโซลตั้งแต่ในอดีต นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้ถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกรุงโซล ซึ่งมีการแสดงต่างๆ เช่น การแสดงพื้นเมือง การเต้นระบำเกาหลี แสดงมายากล งานแสดงอาหาร ซึ่งล้วนสร้างสีสัน และความสนุกสนานเพลิดเพลินให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
เดือนพฤษภาคม เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติชนจู
จัดขึ้นที่เมืองชนจู จังหวัดชอลลานัม-โด เป็นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติลำดับที่สามของเกาหลี ต่อจากพูซานและพูชอน ภายในงานมีการฉายภาพยนตร์ทั้งในรูปแบบดิจิตอล และภาพยนตร์ที่มีการนำเสนอแบบแหวกแนวอื่นๆ เป็นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่น่าติดตามอีก 1 งาน
จัดขึ้นที่เมืองชนจู จังหวัดชอลลานัม-โด เป็นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติลำดับที่สามของเกาหลี ต่อจากพูซานและพูชอน ภายในงานมีการฉายภาพยนตร์ทั้งในรูปแบบดิจิตอล และภาพยนตร์ที่มีการนำเสนอแบบแหวกแนวอื่นๆ เป็นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่น่าติดตามอีก 1 งาน
เดือนพฤษภาคม เทศกาลวัฒนธรรมชาฮาดงจัดขึ้นที่ เมืองฮาดง-กุน จังหวัดเคียงซังนัม-โด ภายในงานจะแสดงขั้นตอนการทำชาฮาดงตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย รวมทั้งหมด 9 ขั้นตอนด้วยกัน โดยผู้เข้างานสามารถสัมผัสถึงขั้นตอนการทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการลองเด็ดยอดใบชา นวดใบชา หรือ ลิ้มรสชาติอันหอมของใบชาฮาดง
ฤดูร้อน Summer จะอยู่ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกันยายน มีเทศกาลที่น่าสนใจ ดังนี้

เดือนมิถุนายน เทศกาลชมหิ่งห้อยมูจู (Muju Firefly Festival)
จัดขึ้นที่ เมืองมูจู จังหวัด ชอลลาบุกโด ใช้เวลาเดินทางจากกรุงโซล ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือโดยรถโดยสารจากสถานียองดองไปยังมูจู-กุน (ใช้เวลา30 นาที) สาเหตุที่จัดขึ้นที่จังหวัดมูจู เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการอยู่อาศัยของหิ่งหอย ซึ่งหิ่งหอยเป็นแมลงที่สร้างแสงจากอวัยวะเรืองแสงพิเศษในตัว จะเป็นที่รู้กันว่าจะอาศัย อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมลพิษเท่านั้น จังหวัดนี้จึงได้เป็นแหล่งขึ้นชื่อเรื่องหิงห้อยที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยสถานที่จัดงาน และจุดชมหิ่งห้อย มีอยู่หลายแห่งทั่วเมือง เช่น ย่านคลอง นัมแดเชิน เป็นต้น จุดประสงค์ของงานก็เพื่อให้คนรักษ์ในสิ่งแวดล้อม และร่วมกันรักษาสภาพแวดล้อมให้ปราศจากมลพิษต่างๆ นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยจะได้สัมผัสกับภาพตื่นตาตื่นใจของหิ่งห้อยในช่วงค่ำคืนภาคฤดูร้อน ที่สว่างสดใสไปทั่วพื้นที่ราวกับแสงไฟ นิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับหิ่งห้อยและระบบนิเวศวิทยา เกมการละเล่นพื้นบ้าน การพิมพ์หิ่งห้อยบนมือ ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น สำรวจหิ่งห้อยในยามค่ำ ซึ่งภาพหิ่งหอยที่สวยงาม ถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของละครรักโรแมนติคชื่อดังหลายเรื่อง เช่นSummer Scent หรือ ภาพยนตร์รักเรียกน้ำตาอย่าง The Classic และอีกหลายๆเรื่อง
จัดขึ้นที่ เมืองมูจู จังหวัด ชอลลาบุกโด ใช้เวลาเดินทางจากกรุงโซล ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือโดยรถโดยสารจากสถานียองดองไปยังมูจู-กุน (ใช้เวลา30 นาที) สาเหตุที่จัดขึ้นที่จังหวัดมูจู เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการอยู่อาศัยของหิ่งหอย ซึ่งหิ่งหอยเป็นแมลงที่สร้างแสงจากอวัยวะเรืองแสงพิเศษในตัว จะเป็นที่รู้กันว่าจะอาศัย อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมลพิษเท่านั้น จังหวัดนี้จึงได้เป็นแหล่งขึ้นชื่อเรื่องหิงห้อยที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยสถานที่จัดงาน และจุดชมหิ่งห้อย มีอยู่หลายแห่งทั่วเมือง เช่น ย่านคลอง นัมแดเชิน เป็นต้น จุดประสงค์ของงานก็เพื่อให้คนรักษ์ในสิ่งแวดล้อม และร่วมกันรักษาสภาพแวดล้อมให้ปราศจากมลพิษต่างๆ นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยจะได้สัมผัสกับภาพตื่นตาตื่นใจของหิ่งห้อยในช่วงค่ำคืนภาคฤดูร้อน ที่สว่างสดใสไปทั่วพื้นที่ราวกับแสงไฟ นิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับหิ่งห้อยและระบบนิเวศวิทยา เกมการละเล่นพื้นบ้าน การพิมพ์หิ่งห้อยบนมือ ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น สำรวจหิ่งห้อยในยามค่ำ ซึ่งภาพหิ่งหอยที่สวยงาม ถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของละครรักโรแมนติคชื่อดังหลายเรื่อง เช่นSummer Scent หรือ ภาพยนตร์รักเรียกน้ำตาอย่าง The Classic และอีกหลายๆเรื่อง
เดือนกรกฎาคม เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูชน (PiFan) (Puchon International Fantastic Film Festival)
จัดขึ้นที่ เมืองพูชน (บูชน) จังหวัด เคียงกี-โด เทศกาลมีขึ้นมาตั้งแต่ปี 1997 เป็นเทศกาลที่จัดแสดงภาพยนตร์แนวใหม่ที่ไม่ได้มีอยู่แล้วทั่วไป เน้นหวากแนวด้านความคิดและจินตนาการของโลกแห่งอนาคต เป็นศูนย์กลางแสดงความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆที่โดดเด่นด้านภาพยนตร์ เพื่อเสนอทางเลือกใหม่ให้กับธุรกิจภาพยนตร์เกาหลี และจัดจำหน่ายในต่างประเทศ โดยในงานนี้นอกจากจะได้ชมภาพยนตร์ที่จะฉายกับตลอดคืนแล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้เข้าร่วมงาน ซีเนร็อค ไนท์ (Cine Rok Night) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการชมภาพยนตร์ และคอนเสริ์ต ไป ด้วยกัน มีการแนะนำภาพยนต์แนวแฟนตาซีจากนานาชาติให้แก่คอหนังชาวเกาหลี และอื่นๆอีกมากมาย
จัดขึ้นที่ เมืองพูชน (บูชน) จังหวัด เคียงกี-โด เทศกาลมีขึ้นมาตั้งแต่ปี 1997 เป็นเทศกาลที่จัดแสดงภาพยนตร์แนวใหม่ที่ไม่ได้มีอยู่แล้วทั่วไป เน้นหวากแนวด้านความคิดและจินตนาการของโลกแห่งอนาคต เป็นศูนย์กลางแสดงความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆที่โดดเด่นด้านภาพยนตร์ เพื่อเสนอทางเลือกใหม่ให้กับธุรกิจภาพยนตร์เกาหลี และจัดจำหน่ายในต่างประเทศ โดยในงานนี้นอกจากจะได้ชมภาพยนตร์ที่จะฉายกับตลอดคืนแล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้เข้าร่วมงาน ซีเนร็อค ไนท์ (Cine Rok Night) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการชมภาพยนตร์ และคอนเสริ์ต ไป ด้วยกัน มีการแนะนำภาพยนต์แนวแฟนตาซีจากนานาชาติให้แก่คอหนังชาวเกาหลี และอื่นๆอีกมากมาย

เดือนกรกฎาคม เทศกาลหมักโคลนโพเรียง (Boryeong Mud Festival)
จัดขึ้นที่ ชายหาด แดเชิน เมืองโพเรียง จังหวัด ชุงชองนัมโด ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศเกาหลี นับเป็นชายหาดที่ยาวที่สุดในแถบนี้ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงโซลโดย รถยนต์ และรถไฟ ประมาณ 3 ชั่วโมง เทศกาลนี้ถูกจัดขึ้นปีละครั้ง ซึ่งให้ความนิยมทั้งคนเกาหลี และคนต่างชาติเป็นจำนวนมาก ในแต่ละปีมีผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามากันมากมาย เนื่องจากความโด่งดังของ โคลน ที่เมืองโพเรียง ว่าเป็นโคลนสีดำ ที่มี แร่ธาตุ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายต่าง ๆ รวมทั้ง เจอมาเนี่ยม และเบนโทไนต์ ซึ่งได้รับการกล่าวขวัญกันว่ามีคุณ สมบัติ ในการบำรุงผิวพรรณ ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง ช่วยป้องกันรังสีอินฟาเหรด มีส่วนช่วย กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ประทินผิว ชะลอความชรา ลบรอยเหี่ยวย่น ขจัดน้ำมันส่วนเกิน และคราบ สกปรกจากผิวหนัง นอกจากนี้แล้วโคลนที่โพเรียง ยังได้รับประกาศนียบัตร ISO 9002 และได้รับการรับรองจาก คณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา และการรับรองคุณภาพโดยกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นอีกด้วย บรรยายภายในงานจะเต็มไปด้วยกิจกรรมที่เกี่ยวกับโคลนทั้งสิ้น โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับการนวดตัว นวดหน้าด้วยโคลน บำรุงผิว และแต่งหน้าด้วยโคลน โดยมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น การแข่งขัน มวยปล้ำ และ ชักเย่อในโคลน นอกจากนี้ยังมีการแสดงทางด้านวัฒนธรรม และการเล่นพื้นเมืองของเกาหลี การประกวดภาพถ่าย และการแข่งขันวอลเล่ย์บอลชายหาด และการประกวด “ราชาโคลน” โดยนักท่องเที่ยว สามารถหาซื้อเครื่องประทินโฉมที่ทำจากโคลนในราคาพิเศษ ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีชื่อเสียง ทั้งในเกาหลีและในต่างประเทศ และได้เริ่มแพร่หลายในเมืองไทยด้วยเช่นกัน นักท่องเที่ยวที่มางานเทศกาลนี้ ยังสามารถเพลิดเพลินกับแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น ชายหาด แดเชิน ย่านตากอากาศชายหาดมูชางโพซึ่งที่นี่จะได้ชมปรากฏการณน้ำทะเลแยกตัว ซึ่งเกิดขึ้นเดือนละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์เหมืองถ่านหิน และชิมอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะ เห็ด พื้น เมือง ที่เรียกว่า “เห็ดน้ำแข็ง” ซึ่งปลูกในที่ๆ มีอุณหภูมิต่ำตลอดปี รวมทั้ง ปูเมืองโพเรียง อีกด้วย
จัดขึ้นที่ ชายหาด แดเชิน เมืองโพเรียง จังหวัด ชุงชองนัมโด ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศเกาหลี นับเป็นชายหาดที่ยาวที่สุดในแถบนี้ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงโซลโดย รถยนต์ และรถไฟ ประมาณ 3 ชั่วโมง เทศกาลนี้ถูกจัดขึ้นปีละครั้ง ซึ่งให้ความนิยมทั้งคนเกาหลี และคนต่างชาติเป็นจำนวนมาก ในแต่ละปีมีผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามากันมากมาย เนื่องจากความโด่งดังของ โคลน ที่เมืองโพเรียง ว่าเป็นโคลนสีดำ ที่มี แร่ธาตุ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายต่าง ๆ รวมทั้ง เจอมาเนี่ยม และเบนโทไนต์ ซึ่งได้รับการกล่าวขวัญกันว่ามีคุณ สมบัติ ในการบำรุงผิวพรรณ ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง ช่วยป้องกันรังสีอินฟาเหรด มีส่วนช่วย กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ประทินผิว ชะลอความชรา ลบรอยเหี่ยวย่น ขจัดน้ำมันส่วนเกิน และคราบ สกปรกจากผิวหนัง นอกจากนี้แล้วโคลนที่โพเรียง ยังได้รับประกาศนียบัตร ISO 9002 และได้รับการรับรองจาก คณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา และการรับรองคุณภาพโดยกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นอีกด้วย บรรยายภายในงานจะเต็มไปด้วยกิจกรรมที่เกี่ยวกับโคลนทั้งสิ้น โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับการนวดตัว นวดหน้าด้วยโคลน บำรุงผิว และแต่งหน้าด้วยโคลน โดยมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น การแข่งขัน มวยปล้ำ และ ชักเย่อในโคลน นอกจากนี้ยังมีการแสดงทางด้านวัฒนธรรม และการเล่นพื้นเมืองของเกาหลี การประกวดภาพถ่าย และการแข่งขันวอลเล่ย์บอลชายหาด และการประกวด “ราชาโคลน” โดยนักท่องเที่ยว สามารถหาซื้อเครื่องประทินโฉมที่ทำจากโคลนในราคาพิเศษ ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีชื่อเสียง ทั้งในเกาหลีและในต่างประเทศ และได้เริ่มแพร่หลายในเมืองไทยด้วยเช่นกัน นักท่องเที่ยวที่มางานเทศกาลนี้ ยังสามารถเพลิดเพลินกับแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น ชายหาด แดเชิน ย่านตากอากาศชายหาดมูชางโพซึ่งที่นี่จะได้ชมปรากฏการณน้ำทะเลแยกตัว ซึ่งเกิดขึ้นเดือนละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์เหมืองถ่านหิน และชิมอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะ เห็ด พื้น เมือง ที่เรียกว่า “เห็ดน้ำแข็ง” ซึ่งปลูกในที่ๆ มีอุณหภูมิต่ำตลอดปี รวมทั้ง ปูเมืองโพเรียง อีกด้วย
เดือนสิงหาคม เทศกาลวัฒนธรรมศิลาดลที่คังจิน (Gangjin Celadon Cultural Festival)
จัดขึ้นที่ เมืองคังจิน จังหวัด ชลลานัมโด เทศกาลนี้มีขึ้นมาตั้งแต่ปี 1996 และจัดขึ้นหลังจากนั้นทุกปี ปีละครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม ใช้เวลาเดินทางจากกรุงโซลประมาณ 5 ชม. ทางรถยนต์ เหตุที่เมืองคังจินได้ถูกเลือกให้ใช้จัดเทศกาลนี้ เพราะว่าเป็นเมืองที่มีดินเหนียว และฟืนอยู่มาก และอุณหภูมิกำลังพอเหมาะ ในอตีดสมัยราชวงค์โคเรียวเฟื่องฟูมาก ปัจจุบันก็เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาโคเรียวในช่วงศตวรรษที่ 10 ถึง 14 ที่มีชื่อเสียงของประเทศเกาหลี สาเหตุที่จัดให้มีเทศกาลนี้ก็เพื่อให้ ศิลาดล และมรดกวัฒนธรรมอื่นๆ ของเกาหลี เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ โดยจุดสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเทศกาลนี้ เช่น ภายในเทศกาลจะมีการแสดงประวัติศาสตร์เก่าของเครื่องปั้นดินเผาโคเรียว นิทรรศการเครื่องปั้นดินเผาจำลองในแบบโบราณ ได้ชมการสาธิตการปั้นและการอบครื่องปั้นดินเผาโดยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถทดลองทำได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งได้เรียนรู้หนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่น่าภูมิใจของเกาหลีด้วย
จัดขึ้นที่ เมืองคังจิน จังหวัด ชลลานัมโด เทศกาลนี้มีขึ้นมาตั้งแต่ปี 1996 และจัดขึ้นหลังจากนั้นทุกปี ปีละครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม ใช้เวลาเดินทางจากกรุงโซลประมาณ 5 ชม. ทางรถยนต์ เหตุที่เมืองคังจินได้ถูกเลือกให้ใช้จัดเทศกาลนี้ เพราะว่าเป็นเมืองที่มีดินเหนียว และฟืนอยู่มาก และอุณหภูมิกำลังพอเหมาะ ในอตีดสมัยราชวงค์โคเรียวเฟื่องฟูมาก ปัจจุบันก็เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาโคเรียวในช่วงศตวรรษที่ 10 ถึง 14 ที่มีชื่อเสียงของประเทศเกาหลี สาเหตุที่จัดให้มีเทศกาลนี้ก็เพื่อให้ ศิลาดล และมรดกวัฒนธรรมอื่นๆ ของเกาหลี เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ โดยจุดสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเทศกาลนี้ เช่น ภายในเทศกาลจะมีการแสดงประวัติศาสตร์เก่าของเครื่องปั้นดินเผาโคเรียว นิทรรศการเครื่องปั้นดินเผาจำลองในแบบโบราณ ได้ชมการสาธิตการปั้นและการอบครื่องปั้นดินเผาโดยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถทดลองทำได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งได้เรียนรู้หนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่น่าภูมิใจของเกาหลีด้วย


เดือนสิงหาคม เทศกาลดนตรีพื้นเมืองเกาหลีนักแก (Nangye Traditional Korean Music Festival)จัดขึ้นที่ เมืองยองดอง จังหวัด ชุงชองบุค-โด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ขึ้นที่สถานีรถไฟโซล หรือรถโดยสารจากสถานีขนส่งทงโซล และเดินต่ออีก 10 นาทีไปยังยองดองชอนสตรีม และนันเกฮอลล์ เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงปาร์ค ยอน (Park Yeon) นามปากกาของท่านคือ “นันเก” (Nangye) หนึ่งในสามของนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีที่มีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยราชวงศโชซอน หลายคนยกย่องท่านว่าเป็นบิดาของคีตวิทยาแห่งเกาหลี ในฐานะที่เป็นนักแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมและเป็นผู้มีความสามารถพิเศษเขาได้ทำ การปรับเปลี่ยนเพลงที่ได้รับอิทธิพลจากจีน อาทิ ดาง-อัค (dang-ak) และอา-อัค (a-ak) รวมถึงดนตรีพื้นเมืองเกาหลี ฮยาง-อัค (hyang-ak) ภายในงานจะมีการแสดงจินตลีลาแสดงเรื่องราวชีวิตท่านและการแสดงผสมกลมกลืนของ ดนตรีดั้งเดิมเกาหลีกับดนตรีตะวันตกโดยวงศ์ดุริยางค์ดนตรีดั้งเดิมเกาหลี ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเข้าชม สามารถสัมผัสได้ถึงการพัฒนาทางด้านดนตรีพื่นเมืองของประเทศเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี
เดือนกันยายน เทศกาลโสมคึมซาน (Geumsan Ginseng Festival)จัดขึ้นที่ เมืองคึมซาน ในจังหวัดชุมชองนัม-โด ณ โถงจัดนิทรรศการโสมในคึมซาน-อึบ (Geumsan-eup) เป็นเทศกาลที่จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับโสมที่มีคุณภาพดีที่สุดมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นในรูปของโสม สด รากแห้ง เหง้า โสมสกัด ชาโสม รากโสมแผ่น โสมบดหรือรากโสมแช่น้ำผึ้ง โสมแดงอบ รวมถึงผลิตภัณฑ์โสมอื่นๆในรูปของชา แคปซูล เป็นยาสมุนไพร หรือ อาหารเพื่อสุขภาพ และอื่นๆ โดยที่นี่ถึอเป็นตลาดโสมที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ซึ่งส่งโสมเป็นอัตราร้อยละ 80 ของความต้องการในประเทศ ภายในงานมีร้านค้ามาตั้งประมาณ 980 ร้าน มีการจัดแสดงทรรศการโสมนานาชาติ นำเสนอในแบบมัลติมีเดียถึงขั้นตอนการเจริญเติบโตและสรรพคุณของโสม การจัดการแข่งขันปรุงโสมและสมุนไพร ทริปการเก็บเกี่ยวโสม การทำโสมขวดที่ระลึกและการทำตุ๊กตาโสม การสาธิตการผลิตโสมที่ได้อายุ การแสดงพื้นบ้านของคึมซานและอื่นๆ โสมได้ถือว่าเป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อที่สุดของเกาหลี และถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ


เดือนกันยายน เทศกาลระบำหน้ากากนานาชาติอันดง (Andong International Mask Dance Festival)
จัดขึ้นที่ ริมแม่น้ำหมู่บ้านฮาโฮในอันดง จังหวัด เคียงซางบุก-โด เดินทางโดยรถไฟเข้าเมืองอันดงจากสถานีรถไฟชองยางนีในกรุงโซลหรือรถโดยสารจากสถานี ขนส่งดางโซล (ใช้เวลา 4 ชั่วโมง) จากสถานีรถโดยสารภายในของอันดองหรือสถานีรถไฟอันดอง ต่อรถโดยสารท้องถิ่นไปหมู่บ้านฮาโฮ (ใช้เวลา 50 นาที) โดยอังดงถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมขงจื้อของเกาหลี ชาวหมู่บ้านฮาโฮได้ดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมในบ้านที่สร้างตามแบบศตวรรษที่ 18 และ 19 โดยสืบทอดมาหลายต่อหลายรุ่น ภายในงานนักท่องเที่ยวจะได้ชมระบำหน้ากากฮาโฮ ซึ่งเป็นการแสดงพื้นเมืองที่ดำรงมาอยู่หลายร้อยปี โดยหน้ากากของฮาโฮจะมีเอกลักษณ์พิเศษคือหน้ากากจะทำวัสดุจากไม้ และได้ถูกยกให้เป็นสมบัติของชาติลำดับที่ 121 พร้อมทั้งยังได้ชมนิทรรศการหน้ากากทั้งเก่าและใหม่จากทั่วโลก การแสดงหุ่นเชิด การแสดงศิลปะอื่นๆ ทั้งของเกาหลีและจากนานาประเทศ ซึ่งในปี 1999 สมเด็จพระราชินีควีนอลิซาเบธที่ 2 ได้มาเยือนที่นี่ ทำให้เทศกาลนี้มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งขึ้น
จัดขึ้นที่ ริมแม่น้ำหมู่บ้านฮาโฮในอันดง จังหวัด เคียงซางบุก-โด เดินทางโดยรถไฟเข้าเมืองอันดงจากสถานีรถไฟชองยางนีในกรุงโซลหรือรถโดยสารจากสถานี ขนส่งดางโซล (ใช้เวลา 4 ชั่วโมง) จากสถานีรถโดยสารภายในของอันดองหรือสถานีรถไฟอันดอง ต่อรถโดยสารท้องถิ่นไปหมู่บ้านฮาโฮ (ใช้เวลา 50 นาที) โดยอังดงถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมขงจื้อของเกาหลี ชาวหมู่บ้านฮาโฮได้ดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมในบ้านที่สร้างตามแบบศตวรรษที่ 18 และ 19 โดยสืบทอดมาหลายต่อหลายรุ่น ภายในงานนักท่องเที่ยวจะได้ชมระบำหน้ากากฮาโฮ ซึ่งเป็นการแสดงพื้นเมืองที่ดำรงมาอยู่หลายร้อยปี โดยหน้ากากของฮาโฮจะมีเอกลักษณ์พิเศษคือหน้ากากจะทำวัสดุจากไม้ และได้ถูกยกให้เป็นสมบัติของชาติลำดับที่ 121 พร้อมทั้งยังได้ชมนิทรรศการหน้ากากทั้งเก่าและใหม่จากทั่วโลก การแสดงหุ่นเชิด การแสดงศิลปะอื่นๆ ทั้งของเกาหลีและจากนานาประเทศ ซึ่งในปี 1999 สมเด็จพระราชินีควีนอลิซาเบธที่ 2 ได้มาเยือนที่นี่ ทำให้เทศกาลนี้มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งขึ้น
เดือนกันยายน เทศกาลซกวิโพ ชิลซิมนี (Seogwipo Chilsimni Festival)จัดขึ้นที่ เมืองซกวิโป-ซี บนเกาะเชจู สามารถเดินทางได้โดยเครื่องบินจากท่าอากาศยานคิมโพไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเชจู (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง) และโดยสารรถประจำทางเข้าเมืองซกวิโพ (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง) นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมเทศกาลนี้จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นลักษณะเฉพาะ รวมถึงศิลปะวัฒนธรรมต่างๆของชาวเกาะ โดยมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลายเช่น การเดินพาเหรดซกวิโพ ชิลซิมนี อันมีชื่อเสียง การแสดงการยอมแพ้ของนายพลชอย ยอง (Choi Yeong) ต่อกองทัพมอคโฮ (Mokho) การแสดงพื้นบ้านเชจู การวิ่งมาราธอนชิลซิมนี และอื่นๆ รวมถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับรู้ถึงความงดงามอย่างแท้จริง
เดือนกันยายน เทศกาลประเพณี เฮียวซกจัดขึ้นที่เมืองเปียงชาง จังหวัดคังวอนโด ซึ่งในเดือนกันยายนของทุกปี เขตบงเพียงที่เป็นเป็นแหล่งผลิตบัทวีทรายใหญ่ของเกาหลีใต้ จะเต็มไปด้วยดอกบักวีทสีขาวตระการตา สวยสดใสไปทั้งเมือง เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อยกย่องนักเขียนผู้มีชื่อเสียง โดยที่นี่ถูกใช้เป็นฉากที่นักเขียนนิยายชื่อดังใช้ในการแต่งเรื่อง When the Buckwheat Blossoms นักท่องเที่ยวจะได้สนุกสนานไปกับการแสดงต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมที่สืบทอดกันมา พร้อมทั้งได้ชิมอาหารที่ปรุงรสจากบักวีทอีกด้วย
ฤดูใบไม้ร่วง ในประเทศเกาหลีใต้
ฤดูร้อน Summer จะอยู่ในช่วงปลายเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน มีเทศกาลที่น่าสนใจ ดังนี้

เดือนตุลาคม เทศกาลกิมจิที่ควางจู (Gwangju Kimchi Festival)จัดขึ้นที่ บริเวณรอบๆพิพิธภัณฑ์ชุมชนพื้นบ้านควางจู เดินทางโดยรถโดยสารวิ่งภายในเมือง หมายเลข 1, 16, 19, 26, หรือ 101 จากสถานีรถไฟควางจู โดยสารหมายเลข 13 หรือ 50 จากสถานีขนส่งควางจู ไปยังสถานที่จัดงาน ระหว่างเทศกาลมีรถชัตเติลบัสบริการรับส่งจากสนามบิน สถานีรถไฟ และสถานีขนส่ง สำหรับกิมจิที่ควางจู(Gwangju) ถือได้ว่าเป็นกิมจิที่มีรสชาติอร่อยที่สุดในเกาหลี เนื่องจากมีการเลือกสรรวัตถุดิบที่ดี และปรุงรสค่อนข้างจัดจ้านกว่าที่อื่น ยังใส่ข้าวเหนียวบดลงไปในการหมักกิมจิทำให้สามารถยืดอายุในการเก็บ รักษากิมจิได้นานกว่ากิมจิจากเมืองอื่นๆ จึงเป็นที่ขึ้นชื่อมากและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ในเทศกาลนี้จะจัดแสดงกิมจิที่มีประมาณ 130 สูตรปรุงโดยมืออาชีพทั่วเกาหลี นักท่องเที่ยวสามารถดูและลงมือทำกิมจิไว้เป็นประสบการร์ได้ด้วย ไม่เพียงแค่นั้นยังมีนิทรรศกาลประวัติของกิมจิ รวมทั้งแสดงสรรพคุณที่ดีเยี่ยมของกิมจิที่มีต่อสุขภาพ ว่ามีสารต้านมะเร็งและลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดด้วย นอกจากนี้ยังมี การแสดงเพื้นเมืองต่างๆ เช่น การแสดงกายากึม (เครื่องดนตรีพื้นเมืองเกาหลี) การจัดแสดงชุดฮันบก (เครื่องแต่งกายพื้นเมืองเกาหลี) การแสดงการละเล่นพื้นเมืองเกาหลี และคอนเสิร์ตอีกด้วย

เดือนตุลาคม เทศกาลขอบฟ้ากิมเจ (Gimje Horizon Festival)
จัดขึ้นที่ เมืองกิมเจ จังหวัดชลลาบุก-โด เดินทางโดยรถโดยสารด่วนพิเศษจากสถานีขนส่งโซลไปยังสถานีขนส่งกิมเจ (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง มีรถออกทุก 40 ถึง 60 นาที) และต่อรถโดยสารประจำเมือง หมายเลข 11, 12, 13 หรือ 39 และลงที่ป้ายบยอคกอลเจ (Byeokgolje) (ใช้เวลา 15 นาที) ซึ่งเมืองกิมเจอยู่ค่อนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดชลลาบุก-โด เทศกาลขอบฟ้ากิมเจเป็นเทศกาลที่จัดแสดงเกียวกับเกษตรกรรมงานเดียวของเกาหลี โดยเมืองกิมเจถือได้ว่าเป็นยุ้งฉางธัญญาหารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ กิจกรรมภายในงานจะให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสลงแขกเกี่ยวข้าวในบริเวณเขื่อนชลประทานบนยอคกอลเจ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรแพ็กเจ (18 ปีก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 660) มีการแข่งขันการทำอาหารบนเกวียนเทียม แข่งขันการทำหุ่นไล่กา มีการแสดงดนตรีของช่างผู้เชี่ยวชาญทรัพย์สินทางวัฒนธรรม จัดแสดงมรดกตกทอดของประวัติศาสตร์แห่งการกสิกรรมของเกาหลีและการชลประทาน การแสดงการก่อกองฟางกลางแจ้ง การแสดงพื้นบ้านที่สะท้อนได้ถึงวัฒนธรรมการปลูกข้าว รวมถึงมีการละเล่นพื้นเมืองต่างๆ เช่น การแข่งชักกะเย่อ ปัญจกรีทา การแข่งขันมวยปล้ำ ซีรึม (Ssireum)
จัดขึ้นที่ เมืองกิมเจ จังหวัดชลลาบุก-โด เดินทางโดยรถโดยสารด่วนพิเศษจากสถานีขนส่งโซลไปยังสถานีขนส่งกิมเจ (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง มีรถออกทุก 40 ถึง 60 นาที) และต่อรถโดยสารประจำเมือง หมายเลข 11, 12, 13 หรือ 39 และลงที่ป้ายบยอคกอลเจ (Byeokgolje) (ใช้เวลา 15 นาที) ซึ่งเมืองกิมเจอยู่ค่อนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดชลลาบุก-โด เทศกาลขอบฟ้ากิมเจเป็นเทศกาลที่จัดแสดงเกียวกับเกษตรกรรมงานเดียวของเกาหลี โดยเมืองกิมเจถือได้ว่าเป็นยุ้งฉางธัญญาหารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ กิจกรรมภายในงานจะให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสลงแขกเกี่ยวข้าวในบริเวณเขื่อนชลประทานบนยอคกอลเจ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรแพ็กเจ (18 ปีก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 660) มีการแข่งขันการทำอาหารบนเกวียนเทียม แข่งขันการทำหุ่นไล่กา มีการแสดงดนตรีของช่างผู้เชี่ยวชาญทรัพย์สินทางวัฒนธรรม จัดแสดงมรดกตกทอดของประวัติศาสตร์แห่งการกสิกรรมของเกาหลีและการชลประทาน การแสดงการก่อกองฟางกลางแจ้ง การแสดงพื้นบ้านที่สะท้อนได้ถึงวัฒนธรรมการปลูกข้าว รวมถึงมีการละเล่นพื้นเมืองต่างๆ เช่น การแข่งชักกะเย่อ ปัญจกรีทา การแข่งขันมวยปล้ำ ซีรึม (Ssireum)
เดือนตุลาคม เทศกาลศิลปะการป้องกันตัวของโลกที่ชุงจู (Chungju World Martial Arts Festival)จัดขึ้นที่ เมืองชุงจู จังหวัดชุงชองบุก-โด บริเวณชุงจูยิมเนเซี่ยม (Chungju Gymnasium), บ่อน้ำร้อนซูอันโบ (Suanbo) และอันซอง (Anseong) เดินทางโดยรถโดยสารจากสถานีขนส่งทงโซลหรือสถานีขนส่งโซลไปยังชุงจู (ใช้เวลา 2 ชั่วโมง) เทศกาลศิลปะป้องกันตัวชุงจูเริ่มต้นในปี 1998 และได้เปลียนชื่อเทศกาลมาเป็น “เทศกาลศิลปะป้องกันตัวของโลกชุงจู” ในปี 2000 เทศกาลนี้ได้รับความสนใจจากทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กนักเรียน คนทำงาน และผู้สูงอายุ บริเวณงานจะมีการแสดงศิลปะป้องกันตัวหลากหลายรูปแบบจากทั่วโลก ร่วมมากกว่า 30 สัญชาติ มีนิทรรศการจัดแสดงอาวุธต่างๆ มีการจัดสาธิตศิลปะป้องกันตัวโบราณของเกาหลีซึ่งถูกกำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญลำดับที่ 76 การสาธิตศิลปะการต่อสู้และ “ประสบการณ์แห่งศิลปะการต่อสู้” และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งรับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

เดือนตุลาคม เทศกาลเห็ดสนยางยาง (Yangyang Pine Mushroom Festival หรือYangyang Songi Mushroom Festival) จัดขึ้นที่ เมืองยางยาง จังหวัดคังวอน-โด บริเวณริมฝั่งแม่น้ำนัมแดชอน (Namdaecheon Riverside, Yangyang, Gangwon-do) สามารถเดินทางโดยรถโดยสารจากสถานีขนส่งโซลหรือสถานีขนส่งทงโซลไปยางยาง (ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 20 นาที) และนั่งแท็กซี่ต่อไปอีก 5 นาทีไปยังสถานที่จัดงาน หรือโดยทางอากาศจากท่าอากาศยานคิมโปในกรุงโซลไปท่าอากาศยานยางยาง และนั่งแท็กซี่ไปจากท่าอากาศยาน (ใช้เวลา 10 นาที) มีบริการรถชัตเติลบัสในระหว่างมีเทศกาล เมืองยางยางได้ชื่อเป็นแหล่งผลิตเห็ดสนของเกาหลี โดยเห็ดป่าสนที่ถูกจัดอันดับว่าดีที่สุดในโลกชื่อ ซอง-อี (song-I) เป็นเห็ดที่อุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามินบีรวม มีสรรพคุณในการป้องกันความดันโลหิตสูง โรคภาวะเส้นโลหิตหนา โรคหัวใจและมีสารต้านมะเร็งอีกด้วย เห็ดชนิดนี้จะขึ้นเฉพาะในป่าสนแดงเท่านั้น ผู้เข้าชมเทศกาลจะได้รับกลิ่นไอของธรรมชาติอย่างแท้จริง พร้อมทั้งได้สูดอากาศบริสุทธิ์ของป่าสนในระหว่างการเดินเที่ยวงาน หรือผู้ที่อยากจะสัมผัสธรรมชาติของป่าสนนานๆ ก็สามารถพักอยู่ที่ฟาร์มเห็ดแบบโฮมสเตย์ได้ ภายในงานจะมีการเก็บเห็ดลัดเลาะไปตามป่าเขา มีการปรุงอาหารโดยใช้ผลิตภัณฑ์จากเห็ดสน ซึ่งหาซื้อได้ในราคาลดพิเศษ (เป็นที่นิยมในบรรดาผู้รักเห็ดมัตสุตาเกะของญี่ปุ่น) มีการแข่งขันมาราธอนครึ่งทาง ที่จะต้องวิ่งไปตามทางเลียบคลองนัมแดชอนที่เต็มไปด้วยเห็ดสนขึ้น และล้อมไปด้วยป่าดักจังซาโนริ เป็นต้น
เดือนตุลาคม เทศกาลโคมจินจู นัมกัง (Jinju Namgang Lantern Festival)จัดขึ้นที่ เมืองชินจู จังหวัดเกียงซางนัม-โด ที่บริเวณแม่น้ำนัมกัง (Namgang River) และป้อมชินชูซอง (Jinjuseong Fortress) เดินทางโดยรถโดยสารจากสถานีขนส่งโซลหรือสถานีขนส่งทงโซลไปยังชินจู (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 50 นาที) ประเพณีลอยโคมในแม่น้ำนัมกังที่จินจูนั้นมีต้นกำเนิดมาจากปี 1592 ช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามารุกรานเกาหลี ชาวชินจูใช้การปล่อยโคมขึ้นบนท้องฟ้าบริเวณรอบป้อมชินชูซอง เพื่อเป็นสัญญาณทางทหารและสื่อสารกับทหารภายนอกป้อม และมีการปล่อยโคมลอยไปตามแม่น้ำนัมกัง หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตั้งแต่ปี 1949 ก็มีการจัดประเพณีการลอยโคมขึ้นมาทุกปี และในปี 2000 ให้ชื่อเป็น “เทศกาลโคมชินจู นัมกัง” ผู้มาเยือนจะได้ชมการแสดงต่างๆอันหลากหลาย อาทิ การแสดงนิทรรศการโคมโลก วิธีการประดิษฐ์โคม วิธีการปล่อยโคม การจุดดอกไม้ไฟริมฝั่งน้ำ การแขวนโคมอธิษฐาน โคมอธิษฐานรูปเฉลียงชกซองนู (Chokseongnu Pavilion-shaped wishing lanterns) เป็นต้น
เดือนตุลาคม เทศกาลพูซานชากัลชิ (Busan Jagalchi Festival) หรือ เทศกาล อาหารที่ตลาดชากัลชิจัดขึ้นที่ ตลาดปลาชากัลชิ ถนนนัมโป-ดอง (Nampo-dong) และถนนควางบองโน (Gwangbongno) เมืองพูซาน เดินทางโดยรถไฟใต้ดินพูซานสาย 1 จากสถานีรถไฟใต้ดินพูซานไปยังสถานีชากัลจิชิ หรือรถโดยสารจากสถานีขนส่งพูซานไปยังนัมโป-ดองหรือไปยังชุงมู-ดอง หรือรถโดยสารจากสถานีพูซานไปยังตลาดปลาชากัลชิ เมืองพูซานเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเกาหลีที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางทะเล เป็นแหล่งจัดส่งผลิตภัณฑ์จากทะเลจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน อีกทั้งยังมีทัศนียภาพทางทะเลที่สวยสดงดงามตลอดชายฝั่ง ผู้เข้ามาเยือนที่ชื่นชอบในอาหารทะเล จะได้ทั้งความสนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจไปกับกิจกรรมในการต่างๆ เช่น การให้ทุกคนเข้าร่วมการจับปลาในถังด้วยมือเปล่า การแข่งขันทำครัวด้วยเนื้อปลา การแข่งขันเรียกชื่อปลาเพื่อทดสอบความรู้ด้าน “โฮ” หรือ ปลาสดยกเว้นการแข่งขันทำอาหารเกาหลี ซึ่งมีไว้สำหรับชาวต่างชาติเท่านั้น นอกจากจะได้รับความสนุกสนานแล้ว จะอิ่มท้องไปกับอาหารทะเลสดๆภายในงาน ที่มีขายในราคาพิเศษตลอดเทศกาลอีกด้วย ยังไม่หมดแค่นั้น นักท่องเที่ยวยังจะได้ชมการสาธิตการลอกหนังปลาไหลและการแล่เนื้อปลาของเหล่าบรรดาแม่ค้าเพื่อเป็นความรู้อีกด้วย โดยไฮไลต์ที่สุดของเทศกาลนี้ คือ พิธีบูชาเทพของชาวประมง ที่เรียกว่า ยอง-วัง กุต (Yong-wanggut) ซึ่งเป็นการสวดอ้อนวอนของชาวประมงต่อราชามังกรแห่งท้องทะเล ขอให้คุ้มครองพวกเขาให้ปลอดภัยในการเดินเรือและจับปลาได้มากๆ และการแสดงของวงดนตรีเครื่องเคาะจังหวะ “ปุงมุลโลริ” (pungmullori) ซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าร่วมแสดงได้ด้วย

เดือนตุลาคม เทศกาลวัฒนธรรมข้าวใหม่อีชอน (Icheon New Rice Festival)จัดขึ้นที่ เมืองอีชอน จังหวัดเคียงคีโด บริเวณอุทยานซอลบง (Seolbong) เหตุที่จัดงานวัฒนธรรมข้าวที่อีชอนก็เพราะว่า ข้าวถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอีชอน ในงานจะมีประเพณีวัฒนธรรมการเกี่ยวข้าวในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งถือเป็นประเพณีที่สำคัญของวัฒนธรรมชาวเกาหลีอย่างมาก มีการแสดงสาธิตมากมาย เช่น การทำหัตถกรรมด้วยฟาง การทำอินชอลมิ (injeolmi) (ขนมข้าวเหนียว) การตำข้าว กังกัง ซุโวลแล (ganggang suwollae) (การเต้นรำเป็นวงกลม) ซามุลลอริ (samullori) (วงควอเต็ตเครื่องเคาะจังหวะพื้นบ้าน) การเล่นว่าว การทำรองเท้าฟาง การแข่งขันพื้นบ้าน การแข่งขันปรุงอาหารจากข้าว การละเล่นภาคสนามเรียกว่า เกียบังนอรี (geobungnori) ( การแสดงหมู่ที่แสดงถึงเต่าตัวหนึ่งอันเป็นจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์แห่ง อิชอน) และปุงมุลลอริ (เพลงชาวนาโบราณ) และอื่นๆ
เดือนตุลาคม เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูซาน (PIFF) (Pusan International Film Festival)จัดขึ้นที่ เมืองพูซาน (บูซาน) อยู่ทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเกาหลีใต้ รองจากกรุงโซลเมืองหลวงของประเทศ เคยเป็นเจ้าภาพจัดเอเชี่ยนเกมส์ ในปี 2002 และเป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก ปี 2002 เช่นกัน และในระยะหลังมานี้ปูซาน มีชื่อเสียงด้านการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ ที่ติดอันดับโลกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว โดยเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูซาน เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ ปี 1996 ในทุกปีจะมีผลงานส่งเข้าร่วมกว่าร้อยๆเรื่อง จากหลากหลายประเทศทั่วโลก จะเน้นภาพยนต์จากเอเชีย แต่ก็มีภาพยนต์จากทั้งอเมริกาเหนือและยุโรปฉายด้วย รวมถึงภาพยนตร์จากประเทศไทย อาทิเช่น ชั่วฟ้าดินสลาย, แต่เพียงผู้เดียว สำหรับแฟนภาพยนตร์ไม่ควรพลาดที่จะเข้าร่วมกับเทศกาลนี้ ภายในงานจะคับคั่งไปด้วยผู้สร้างหนัง นักแสดง นักวิจารณ์ แฟนหนัง และผู้ชมจำนวนมาก ทำให้ผู้เข้าชมงานได้รับรู้ถึงมุมองในด้านต่างๆของภาพยนตร์ได้มากขึ้นด้วย
เดือนตุลาคม เทศกาลอาหารนัมโดจัดขึ้นที่ เมืองซันซน จังหวัดชอลลานัม-โด ภายในงานมีการจัดแสดงอาหารนับร้อยอย่าง และจะยังมีการแข่งขันทำอาหารและอื่นๆ
เดือนตุลาคม เทศกาลกลองกรุงโซลจัดขึ้นที่ บริเวณควางฮวามุน กลางเมืองหลวง กรุงโซล เทศกาลนี้เป็นเทศกาลศิลปะนานาชาติระดับโลกที่จะมีการแสดงเครื่องตีเคาะเป็นหลัก พื้นที่จัดงานจะจัดกลางแจ้งเนื่องจากต้องให้พื้นที่แก่นักดนตรีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงมืออาชีพหรือนักแสดงสมัครเล่น จึงเป็นเทศกาลที่ดึงดูดผู้เข้าชมที่หลงใหลในศิลปะด้านดนตรีเข้ามาในงานเป็นจำนวนมาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น
เดือนพฤศจิกายน เทศกาลอาหารเกาหลีจัดขึ้นที่ กรุงโซล ภายในงานมีการนำเสนออาหารเกาหลีพื้นเมือง และวัฒนธรรมของอาหารเกาหลีต่างๆ รวมทั้งแสดง วิวัฒนาการด้านอุตสาหกรรมอาหาร และมีการแข่งขันทำอาหาในรูปแบบต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น